หน้าหลักเว็บข้อมูลโรคมะเร็ง

chat

Thursday, December 15, 2011

คิดก่อนใช้วัคซีนป้องกัน มะเร็งปากมดลูก

ถึงตอนนี้หญิงไทยหลายคนเริ่มคุ้นหูกับ "วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก" กันมากขึ้น หลังจากที่มันเข้ามาสู่สังคมไทยเมื่อปีที่แล้ว ด้วยการแนะนำของโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันในราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการตรวจภายในเพื่อค้นหามะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก ที่มีบริการฟรีในระบบบริการสุขภาพที่มีอยู่แล้ว

วัคซีนที่ว่านั้นในวงการแพทย์รู้จักในชื่อ "วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV" (Human papilloma virus) แม้จะเป็นวิธีที่เหนือกว่าการตรวจภายใน เพราะเป็นการป้องกันตั้งแต่สาเหตุการเกิดโรค แต่ก็มีข้อจำกัดที่ป้องกันเฉพาะการติดเชื้อไวรัส HPV (เอชพีวี) บางสายพันธุ์
จากรายงานของ "กรองทรรศน์ อัศพัตร" ในนิตยสารฉลาดซื้อ เดือนมกราคม 2550 เรื่อง "วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ใครต้องใช้ ใครต้องจ่าย" พบว่าในช่วงสำรวจเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โรงพยาบาลเอกชน 9 แห่ง ใช้วัคซีนยี่ห้อเดียวคือ Gardasil ของบริษัทเมิร์ค หลายโรงพยาบาลละเลยข้อเท็จจริงที่สำคัญว่า วัคซีนนี้อาจใช้ไม่ได้ผลหากผู้ฉีดเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว เนื่องจากไวรัสเอชพีวี เป็นเชื้อที่ติดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายมาก ตามสถิติกว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้ติดเชื้อนี้ แต่ยังพบว่าโรงพยาบาลเชิญชวนให้ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แล้วมารับการฉีดวัคซีน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตัดสินใจว่าจะฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนตัวนี้ดี "ฉลาดซื้อ" ให้คำแนะนำว่า

1. หากเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว วัคซีนนี้อาจไม่มีประโยชน์กับคุณ เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะผ่านการติดเชื้อมาแล้ว
2. หากได้รับคำชี้ชวนให้ตรวจว่ามีการติดเชื้อเอชพีวีหรือไม่ จงปฏิเสธ เพราะผลที่ได้ไม่แน่นอนพอ
3. ถ้าคุณอายุเกิน 26 ปี ผลตอบสนองจากการฉีดอาจไม่ดีเท่าคนอายุน้อย
4. ถ้าจะฉีดวัคซีนนี้ให้ลูกหลานวัยรุ่น ควรใคร่ครวญให้ดี เพราะช่วงวัยนี้คาบเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก และอาจทำให้ลูกหลานเข้าใจว่าคุณส่งสัญญาณ ไฟเขียวให้แล้ว
5. ถ้าคุณสนใจฉีดวัคซีนนี้เพราะเข้าใจว่าจะไม่ต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอีกต่อไป คุณกำลังเข้าใจผิดมหันต์ เพราะวัคซีนนี้ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้เพียงร้อยละ 70
6. ถ้าได้รับข้อมูลว่าวัคซีนนี้ไม่ต้องมีการฉีดกระตุ้น แปลว่าคุณกำลังถูกหลอก เพราะขณะนี้ระยะเวลาในการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีของวัคซีนนี้ยังไม่เป็นที่รู้แน่ เพราะ อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย
ที่มา : http://www.saranair.com/
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก hpv วัคซีน วัคซีน hpv ราคา

Friday, December 9, 2011

ความรู้เรื่อง HPV วัคซีน HPV

ความรู้เรื่อง HPV วัคซีน HPV
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งในสตรีทั่วโลกรองจากมะเร็งเต้านม และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 รองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งปอด  แต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 5 แสนคนทั่วโลก   ร้อยละ 80 อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ในจำนวนนี้จะเสียชีวิตประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตร้อยละ 85 อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาเช่นกัน
            สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา American Cancer Society คาดว่าใน พ.ศ. 2549 จะมีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ประมาณ 9,710 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ ประมาณ 3,700 ราย
           
HPV คืออะไร
            HPV ย่อมาจาก Human Papilloma Virus ซึ่งเป็นไวรัสในกลุ่ม Papilloma ที่ก่อให้เกิดโรคในคน ประกอบด้วยสายโมเลกุลของ DNA  ประมาณ 8,000 คู่เบส เรียงตัวกันเป็นรูปวงกลม อยู่ภายในเปลือกหุ้มโปรตีน (Capsid) มียีนทำหน้าที่ควบคุมการสร้างโปรตีน 2 ประเภท คือ
1.      ยีนที่ควบคุมการสร้างโปรตีน เพื่อสร้างเปลือกหุ้ม ( Late protein - L1,L2)
2.      ยีนที่ควบคุมการสร้างโปรตีนเพื่อเพิ่มจำนวนเชื้อ (Early protein – E1,E2,E4-7)
            ปัจจุบันพบ HPV มากกว่า 100 สายพันธุ์ ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อของเนื้อเยื่อหรือเยื่อบุผิวในตำแหน่งที่แตกต่างกัน   มีประมาณ 40 สายพันธุ์ ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ/เยื่อบุผิวบริเวณ    ano–genital area ซึ่งได้แก่ ปากมดลูก ช่องคลอด ปากช่องคลอด ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ และ องคชาต และยังอาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งในหลายอวัยวะ เช่น ช่องปากและลำคอ หรือมะเร็งของผิวหนังบางชนิด  HPV กลุ่มนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
            1. ชนิดความเสี่ยงสูง หรือชนิดก่อมะเร็ง (Oncogenic / High Risk HPV, HR HPV) ซึ่งพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับการเกิดมะเร็งบริเวณ ano–genital ระยะลุกลาม ได้แก่สายพันธุ์ HPV 16,18,31,33,35,39,45,51,52,56,58,59,68 และ 82 โดยสายพันธุ์ที่ก่อปัญหามากที่สุดคือ HPV 16 และรองลงมาคือ HPV 18
            2. ชนิดความเสี่ยงต่ำ กลุ่มนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกในระดับต่ำ ส่วนใหญ่พบก่อให้เกิดหูดหงอนไก่ (Genital Warts) บริเวณ ano–genital ได้แก่สายพันธุ์ HPV 6,11,40,42,43,44,54,61,72,73 และ 81 ที่พบบ่อยคือ HPV 6 และ HPV 11
           

Monday, June 6, 2011

วัคซีนมะเร็งปากมดลูก

วัคซีนมะเร็งปากมดลูก

ศิริราช ให้บริการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกเป็นโรงพยาบาลรัฐแห่งแรกของไทย ๓ เข็ม ๑ หมื่นบาท ป้องกันได้ ๗o% เตรียมเสนอคณะแพทย์ให้การสนับสนุนฉีดในหญิงกลุ่มเสี่ยง

     รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ รองหัวหน้าภาควิชา ฝ่ายวิชาการและวิจัย ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า โรคมะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัส ที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยพบมากเป็นอันดับ ๑ ในหญิงไทย ทั้งนี่ในปี ๒๕๔๙ มีผู้ป่วย เข้ารับการรักษาพยาบาลโรคมะเร็งปากมดลูกที่โรงพยาบาลศิริราชประมาณวันละ ๑ ราย และในภาพรวมของประเทศจะเสียชีวิตประมาณวันละ ๗ ราย ทั่วโลกเสียชีวิตวันละ ๖๕o ราย ดังนั้นการป้องกันเพื่อให้ทราบอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

     จาการศึกษาพบว่าเชื้อไวรัสเอชพีวีที่พบบ่อยในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก เกิดจากเชื้อเอชวีพีชนิด ๑๖ และ ๑๘ ซึ่งทางโรงพยาบาลศิริราชได้ตระหนักถึงอันตรายของโรคดังกล่าวจึงนำวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกมาบริการให้กับผู้ป่วย สายพันธุ์ที่วัคซีนครอบคลุมนั้นป้องกันได้ ๗o% เฉพาะเอชพีวีสายพันธุ์ ๖ , ๑๑ ซึ่งป้องกันโรคหูดหงอนไก่และป้องกันสายพันธุ์ ๖ , ๑๑ ในขณะที่ยังมีเชื้อเอชพีวีไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีมากกว่าพันสายพันธุ์ และหากได้รับเชื้อจาการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนฉีดวัคซีน ประสิทธิภาพของวัคซีนก็ไม่เท่ากับผู้ที่ไม่เคยได้รับเชื้อมาก่อน ส่วนช่วงอายุที่เหมาะสมในการับวัคซีนนี้ อยู่ที่อายุ ๙ ๒๖ ปี ซึ่งเป็นวัยที่คาดว่ายังไม่มีเพศสัมพันธ์ โดยต้องได้รับวัคซีนจำนวน ๓ เข็มในช่วง ๕- ๖ เดือน สามารถป้องกันได้ประมาณ ๕ ปี

     ขณะนี้ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้เปิดให้บริการวัคซีนมะเร็งปากมดลูกแล้ว ถือเป็นการให้บริการของโรงพยาบาลรัฐแห่งแรกของไทย ที่นำวัคซีนมะเร็งปากมดลูกมาให้บริการเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทยค่าวัคซีนที่โรงพยาบาลศิริราช ตกราคาเข็มละ ๓,ooo กว่าบาท โดยต้องฉีดเดือนที่ o,๒ และ ๖ รวมค่าใช้จ่ายประมาณ ๑ หมื่นบาท ซึ่งมีราคาสูง แต่ได้เตรียมทำเรื่องเสนอคณะแพทยศาสตร์ในการสนับสนุนวัคซีนดังกล่าวให้แก่ผู้ป่วย รวมถึงการช่วยเหลือผู้ป่วยเพื่อสามารถใช้สิทธิตามกองทุนสวัสดิการสุขภาพที่สังกัดอยู่ด้วย โดยฉีดให้ผู้หญิงไทยที่จำเป็นต้องฉีดทุกคนอาจเป็นลักษณะใครมีกำลังทรัพย์ก็จ่ายเอง แต่หากกลุ่มเสี่ยงภาครัฐอาจช่วยสนับสนุนบางส่วนอย่างไรก้อตามแม้จะมีวัคซีนดังกล่าว แต่การตรวจแปปสเมียร์ ยังคงมีความสำคัญต้องทำต่อไปเพราะวัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

14 พฤติกรรม เสี่ยงมะเร็ง

14 พฤติกรรม เสี่ยงมะเร็ง

 1.นอนดึก ทำให้ไม่มีฮอร์โมนต้านมะเร็งหลั่งออกมา นอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดโรคร้ายอื่น เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง และโรคอ้วน เพราะการนอนดึก มักจะหิวและต้องหาของขบเคี้ยวมากินแก้ปากว่างกัน

 2.คึกสูบบุหรี่และขี้เหล้า ทั้งสองสิ่งนี้ทำให้ปอดและตับทำงานหนัก ทำให้คนที่เสพทั้งแก่เร็วและตายไวได้จากโรคมะเร็ง

  3.เอาแต่ไขมันเข้าปากและอยากแต่เนื้อแดง ไขมันอิ่มตัวและโปรตีนจากเนื้อนั้นเป็นแหล่งอาหารชั้นหนึ่งของมะเร็งที่จะใช้เจริญเติบโตได้ไม่แพ้ทารกเกิดใหม่ มัน จะสร้างหลอดเลือดยื่นไปดูดกินเลือดเนื้อของเราจนแทบ ไม่เหลือเลือดอันสมบูรณ์ไปเลี้ยงอวัยวะอื่น ตัวเราจึงผอมเอา ๆ ตรงข้ามกับมะเร็งกาฝากที่โตไว
   4.แฝงด้วยเครียดจัด จนมีสารทุกข์หลั่งออกมาหล่อเลี้ยงมะเร็งให้โตขึ้นเร็ว ราวกับน้ำมันราดบนกองไฟให้คุโชนขึ้น

  5.ไวรัสตับอักเสบบีและมีภูมิแพ้ที่รักษาไม่หาย ในคนที่ภูมิไม่ดี ไม่มีการออกกำลัง พักผ่อนน้อย โดยเฉพาะผู้อายุมากที่ภูมิต่ำก็จะได้มะเร็งแถมเข้ามาในชีวิตทันที ดังนั้นถ้าเคยมีประวัติไวรัสตับอักเสบบีแล้ว ก็ต้องพยายามเสริมภูมิต้านโรคไว้ให้รู้สึกอยู่เสมอว่าเรามีระเบิดเวลาในกายจะได้ไม่ประมาท

เคล็ดลับการกินยับยั้งมะเร็ง

มีหลายปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง
 และนั่นรวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เป็นสาเหตุหนึ่งในสามของการเสียชีวิตจากมะเร็งทั้งหมด อาหารเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ ที่เชื่อว่าการที่เรารับประทานอาหรที่มีกากใยน้อยอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ได้ การรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนเชื้อราอาจเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งตับ เป็นต้น ทั้งนี้ควรหันมาใส่ใจการรับประทานอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงการเป็นมะเร็ง ดังนี้


รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และซีลีเนียม แหล่งอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระคือ ผัก ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ ทั้งนี้ควรรับประทานผักผลไม้ทุกวัน ยิ่งรับประทานได้มากก็เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายมากขึ้น

108 วิธีรักษาโรคมะเร็ง

108 วิธีรักษาโรคมะเร็ง

วิธีช่วยคุณคือการพลิกฟื้นธรรมชาติของร่างกายต่างหาก
ต่อไปนี้เป็นวิธีการ และขอเตือนว่า ผู้ใดที่เป็นโรคมะเร็ง อย่าคิดว่า จะหายอย่างสบายๆ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว

>>>1.การไม่ทานอาหารขยะ KFC McDonald

>>>>2.ไม่ทานเกลือ หรืออาหารรสเค็ม เพราะมีเกลือโซเดียม ทำให้เซลล์มะเร็งอยู่ได้โดยที่เม็ดเลือดขาวเข้าไปทำลายไม่ได้
>>>3. ทานน้ำผัก ผลไม้ โดยการคั้นน้ำ ดื่ม วันละ 10-12 แก้ว

ข้อความ : การรักษาโรคมะเร็งนั่นยากเย็นแสนเข็ญ ขอเตือนว่าผู้ใดที่เป็นแล้วอย่าคิดว่า พึ่งหมออย่างเดียวก้อหาย อย่าคิดว่าอยู่ๆไปก้อหายเอง โรคนี้คือโรคที่เกิดขึ้นทั้งตัวไม่ใช่จุดๆเดียว คุณต้องพลิกฟื้นระบบทุกระบบ เซลล์ทุกเซลล์ของคุณขึ้นมาใหม่ และทำตัวให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด หรือการเป็นโรคมะเร็ง คือเซลล์กลายเป็นเนื้อร้ายจะกลายเป็นปัญหาการกลายพันธ์ที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ห่างไกลธรรมชาติเหลือเกิน

สำหรับหลายๆคนอาจท้อแท้ว่า ระยะที่ 4 หรือสุดท้ายแล้วแต่ อย่าเพิ่งหมดอาลัยตายอยากค่ะ

Wednesday, April 20, 2011

สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย เตือน 'ชายรักชาย' เสี่ยงเนื้อร้ายรูทวาร

สมาคมมะเร็งนรีเวชไทยพบแต่ละปีจะมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ประมาณหมื่นราย เสียชีวิตกว่า5,000ราย เผยกลุ่มเสี่ยงหญิงที่แต่งงานแล้ว วัยทำงาน กลุ่มที่มีลูกสาวอยู่ในช่วงเด็กถึงวัยรุ่น ขณะที่ “ชายรักชาย” เสี่ยงมะเร็งรูทวาร ...

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่อาคาร 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ โรงพยาบาลศิริราช มีการจัดกิจกรรม “สัปดาห์ป้องกันภัยมะเร็งปากมดลูก” โดยจะจัดระหว่างวันที่ 19-25 เม.ย. ภายใต้แนวคิด “คิดผิด คิดใหม่ ป้องกันภัยมะเร็ง ปากมดลูก” ทั้งนี้ นพ.วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล อุปนายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย กล่าวว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ประมาณ 10,000 ราย และเสียชีวิตประมาณ 5,200 ราย หรือเฉลี่ยประมาณ 14 คน โดยผู้ติดเชื้อในระยะแรกมักไม่แสดงอาการใดๆ แต่เมื่อเริ่มมีอาการก็มักจะเป็นมะเร็งในระยะลุกลามแล้ว อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพบว่ามะเร็งชนิดนี้พบบ่อยในเพศหญิง โดยสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกมาจากเชื้อเอชพีวี (HPV) ถึงร้อยละ 80 ส่วนอีกร้อยละ 20 มาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การได้รับเชื้อจากภายนอก ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น ห้องน้ำสาธารณะ รถเมล์ รถไฟฟ้า สิ่งสกปรกที่ติดตามซอกเล็บ

สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อเอชพีวี ประกอบด้วย 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มหญิงที่แต่งงานแล้ว โดยพบว่า ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วจะมีโอกาสรับเชื้อเอชพีวี ถึงร้อยละ 50-80 แม้จะมีเพศสัมพันธ์เพียงครั้งเดียว หรือมีคู่นอนคนเดียวก็มีโอกาสติดเชื้อเอชพีวีได้ 2. กลุ่มที่มีลูกสาวอยู่ในช่วงเด็กถึงวัยรุ่น กลุ่มนี้พ่อแม่จะไม่ให้ความสำคัญในการป้องกันโรคมากนัก เพราะเห็นว่าอายุยังน้อย ทั้งๆที่เป็นกลุ่มที่ป้องกันได้ดีที่สุด ซึ่งในต่างประเทศมีการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และ 3. กลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน ที่มีความมั่นใจในตัวเอง คิดว่าตนไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง อีกทั้ง ยังเข้าใจว่าการใช้ถุงยางอนามัยจะป้องกันโรคนี้ได้ ซึ่งไม่สามารถป้องกันได้ 100%

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังพบในกลุ่มชายรักชายด้วย เนื่องจากพบว่า รูทวารมีลักษณะใกล้เคียงกับปากมดลูก ทำให้โอกาสการรับเชื้อเอชพีวีทางทวารหนักสูงถึงกว่าร้อยละ 50 ทีเดียว แต่มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้โดยควรตรวจคัดกรองเป็นประจำร่วมกับการฉีดวัคซีน.

มะเร็งกับการถอดรื้อ มายาคติแห่งการใช้ชีวิต

Thursday, February 24, 2011

ผู้หญิงรักความสะอาดเสี่ยงเป้นระเร็งเต้านม

 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะค่ะว่า ผู้หญิงที่รักความสะอาดด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้านบ่อย ๆ จะมีอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม มากกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ มากขึ้นเป็น 2 เท่า
         
โดย ดร.จูเลีย บรอดี้ จากสถาบัน Silent Spring ในสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 1,500 คน พบว่า ผู้หญิงที่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้าน จำพวกกำจัดเชื้อรา กำจัดแมลง ก้อนหอมปรับอากาศบ่อย ๆ มีแนวโน้มเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าปกติ 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
      
  โดย ดร.จูเลีย อธิบายว่า สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่า ในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้บางชนิด มีสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็งที่ต่อมน้ำนมเป็นส่วนประกอบอยู่ รวมถึงสารรบกวนฮอร์โมนต่าง ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญของโรคมะเร็งด้วย
       
 ทั้งนี้ ดร.จูเลีย ยังได้แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างง่าย ๆ เช่น สบู่ น้ำ เบกกิ้งโซดา น้ำส้มสายชู รวมทั้งเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอมเป็นส่วนประกอบในการทำความสะอาดแทน
    
    อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษานี้ยังไม่ได้ฟันธงว่าต้องเป็นเช่นนี้ทุกกรณี ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อระบุหาชื่อสารเคมีที่แน่ชัด ที่ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นต่อไป

กินมะรุม ลืมมะเร็ง มะรุม สมุนไพรชั้นยอด อาหารชั้นดี ที่สวนหลังบ้าน

ใครจะไปรู้ว่า มะรุม พืชพื้นบ้านสมุนไพรไทย มีสรรพคุณอย่างไม่น่าเชื่อว่ามะรุมจะมีสรรพคุณ สรรพคุณทางยาอันหลากหลาย โดยเฉาะการลดไขมัน และป้องกันมะเร็งอย่างชะงัก  กล่าวกันว่ามะรุมมีฤทธิ์ชะลอความแก่  คาดว่าเป็นการสรุปเนื่องจากมะรุมมีสารฟลาโวนอยด์สำคัญคือ รูทินและเควอเซทิน ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ดูแลอวัยวะต่างต่างได้แก่ จอประสาทตา ตับ และหลอดเลือดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ
นอกจากมะรุมสดแล้วปัจจุบันยังมีมะรุมอยู่ในรูปต่างๆ เช่น  มะรุมแคปซูล หรือทำเป็นยารูปอื่นๆ

รู้อย่างนี้แล้วคงต้องหามะกินมะรุมบ่อยๆ หรือหาปลูกที่บ้านสักต้นแล้ว

Tuesday, February 22, 2011

เตือน บ้านติดปั๊มเสี่ยงเป็นมะเร็ง

              ใคร บ้านอยู่ใกล้ปั๊มต้องหาทางให้ปั๊มเขยิบไปเสียแล้ว เมื่อผลการศึกษาล่าสุดชี้ชัด หากบ้านอยู่ใกล้เกินไปมีสิทธิตายผ่อนส่งเพราะสารพิษก่อมะเร็งปนเปื้อนอยู่ใน อากาศก็เป็นได้

บ้านติดปั๊มน้ำมันเสี่ยงเป็นมะเร็ง

             นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมูร์เซียในสเปน ได้ศึกษาถึงผลกระทบต่อการปนเปื้อนจากปั๊มน้ำมันทั้งหลาย พบว่าอันตรายจากสารอินทรีย์ผสมที่กระจายฟุ้งอยู่ในอากาศสามารถลอยไปได้ไกลถึง 100 เมตร รอบๆ สถานีเลยทีเดียว

ดัง นั้นแล้วหากต้องการสร้างสถานีบริการน้ำมันในชุมชนย่านที่อยู่อาศัยแล้วละก็ ต้องสร้างให้ห่างจากบ้านเรือนผู้คนอย่างน้อย 50 เมตร และอย่างน้อย 100 เมตร สำหรับสถานอำนวยความสะดวกสาธารณะ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียนและสถานพักฟื้นคนชรา

มาร์ทา โดวาล ผู้ร่วมศึกษาทดลองในครั้งนี้กล่าวว่า ค่าสารอินทรีย์ผสมอย่างเบนซีน ซึ่งเป็นตัวการก่อมะเร็งที่บันทึกได้จากปั๊ม มีมากกว่าค่ามาตรฐานที่วัดได้จากการจราจรแออัดในเมืองเสียอีก โดยสารปนเปื้อนดังกล่าวมาจากอากาศภายในสถานีบริการน้ำมัน และพื้นที่บริเวณโดยรอบได้รับผลกระทบจากการระเหยของน้ำมัน ซึ่งรวมไปถึงน้ำมันที่ยังไม่มีการเผาไหม้ในระหว่างการเติม การถ่ายโอนน้ำมันจากแท็งก์ และการกระฉอกของน้ำมัน

อย่าง ไรก็ตาม ระยะห่างระหว่างปั๊มและบ้านพักอาศัยยังขึ้นอยู่กับจำนวนสถานีบริการน้ำมัน ที่มีอยู่ในพื้นที่ ปริมาณน้ำมันที่เก็บกักไว้ ความหนาแน่นของการจราจร โครงสร้างพื้นฐานแวดล้อมและสภาพอากาศ

Monday, February 21, 2011

เปิดตัว"โรบอตตรวจมะเร็งปากมดลูก"

"มะเร็งปากมดลูก" โรคมะเร็งที่มีอัตราผู้ป่วยสูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มมะเร็งที่เกิดกับผู้หญิง

ในประเทศไทย แต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้นราว 5,500 คน และมีอัตราเสียชีวิตเฉลี่ยถึงวันละ 15 คน

ล่าสุด สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เปิดตัว นวัตกรรมล่าสุด "โรบอตเทคโนโลยี" เทคโน โลยีอัตโนมัติเพื่อใช้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเครื่องแรกในภาคพื้นเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการตรวจมากยิ่งขึ้น โดย น.พ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ดร. หม่า วูโป หัวหน้าฝ่าย สนับ สนุนด้านวิชาการชีวโมเลกุล และนายสจ๊วต ดอปสัน ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุน ทางการแพทย์ เอเชียแปซิฟิก จากโฮโลจิก ณ โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนี่ยม สุขุมวิท (อโศก)

Tuesday, January 18, 2011

ตกขาว...อย่าตกใจ

ตกขาว...อย่าตกใจ

ภาวะตกขาว
ภาวะตกขาว ซึ่งบางทีเรียกว่า มุตกิด หรือระดูขาวนั้น เป็นภาวะหนึ่งที่สตรีส่วนมากต้องประสบและทำให้สตรีจำนวนไม่น้อยมาพบแพทย์ และสูตินรีแพทย์ ภาวะดังกล่าวอาจเป็นอาการที่แสดงออกมาจากตอบสนองต่อฮอร์โมนในสตรีที่ปกติ หรือจากการที่เป็นโรคที่ไม่รุนแรงเรื่อยไปจนกระทั่งถึงโรคที่รุนแรงก็ได้ ดังนั้นภาวะนี้จึงมีความสำคัญมิใช่น้อย

ตกขาว คืออะไร

ตก ขาว เป็นของเหลวใด ๆ ที่ไหลออกมานอกช่องคลอด แต่ไม่ใช่เลือด ของเหลวดังกล่าวส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นจากช่องคลอด ปากมดลูก และอวัยวะข้างเคียงบริเวณปากช่องคลอด ลักษณะของตกขาว จะมีความแตกต่างกันไปขึ้นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทั้งในขณะที่อยู่ในภาวะปกติ หรือกำลังเป็นโรคอยู่

อยู่อย่างไรให้ห่างไกล มะเร็งเต้านม

อยู่อย่างไรให้ห่างไกล มะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านม ถือเป็นเพชฌฆาตร้ายที่คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกเป็นอันดับต้นๆ และในประเทศไทยมีผู้หญิงป่วยเป็นโรคร้ายชนิดนี้มากเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งปากมดลูก จากสถิติทางการแพทย์ยังบ่งชี้ด้วยว่า สาวเมืองกรุงมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าสาวชนบท เพราะใช้ชีวิตรีบเร่งไม่มีเวลาดูแลสุขภาพตัวเอง, ขาดการออกกำลังกาย และเป็นโรคเครียดสะสม

          ในเวทีสัมมนา "Wacoal Cares Your Breasts" เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม และเคล็ดลับการดูแลตนเองให้มีสุขภาพดี ห่างไกลมะเร็งเต้านม อันเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสร้างสรรค์ภายในงาน SAHA GROUP EXPORT & TRADE EXHIBITION ครั้งที่ 12 ที่ศูนย์ การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.กริช โพธิสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านมะเร็งเต้านม 

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

รู้จักกันไหมเอ่ย ว่า " โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ " คืออะไร และมีโรคอะไรที่เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ บ้าง วันนี้เราจะไปทำความรู้จัก "โรค" ที่สามารถติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์กัน          โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือโรคส่งผ่านทางเพศสัมพันธ์ (ตามที่บัญญัติในราชบัณฑิตยสถาน) (Sexually transmitted disease; STD) อาจเรียกว่า "กามโรค" (Venereal disease) หรือ "วีดี" เกิดขึ้นจากการติดต่อกันผ่านทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทวารหนัก กับผู้ที่กำลังมีเชื้อ ปัจจุบันใช้คำว่า "การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์" เพื่อให้มีความหมายกว้างขึ้น

          โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นโรคที่สามารถเป็นได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่พบมากในหมู่วัยรุ่น เนื่องจากวัยรุ่นในปัจจุบัน นิยมมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน โดยที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันตัวเอง รวมทั้ง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต่างๆ นอกจากนี้ในปัจจุบัน คู่แต่งงานมีอัตราการหย่าร้างสูงขึ้น ทำให้คนมีสามี หรือภรรยาหลายคน จึงเกิด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มากขึ้น

          สิ่งที่อันตรายของ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ เมื่อเป็นแล้ว มักจะไม่เกิดอาการ บางคนจึงติด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แล้วโดยไม่รู้ตัว และเป็นปัญหาในการจัดการทางระบบสาธารณสุข และที่สำคัญ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นี้ สามารถติดต่อไปยังทารกในครรภ์ได้

ว่าด้วยเรื่องโรคของชายและหญิง ที่ต้องพึงระวัง

ว่าด้วยเรื่องโรคของชายและหญิง ที่ต้องพึงระวัง

รคของผู้ชายและผู้หญิงมีลักษณะเฉพาะที่ต่างออกไป เนื่องจากสภาวะทางร่างกายของผู้ชายและผู้หญิงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทุกช่วงวัย ดังนั้น เราควรต้องรู้จักสังเกตอาการเบื้องต้นว่าเป็นอย่างไร มีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพเหล่านี้ขึ้นได้

โรคฮิตที่ผู้ชายควรระวัง
            โรคหัวใจ ผู้ชายมักเริ่มมีอาการของโรคหัวใจเมื่อ อายุ 40 ปีขึ้นไป สาเหตุหลักของการเกิดโรคหัวใจมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น การอักเสบตรงผนังหัวใจ ความพิการของหัวใจที่เป็นมาแต่กำเนิด ไขมันอุดตันในเส้นเลือด รวมไปถึงหลอดเลือดแข็งตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ระบบควบคุมการทำงานของหัวใจล้มเหลว การที่ทำให้เป็นโรคหัวใจ ได้แก่ ความเครียด ระดับโคเลสเตอรอลสูง โรคอ้วน ระดับความดันเลือดสูง อาการเตือนที่ควรสังเกต คือ มีไข้ขึ้นสูง

            โรคต่อมลูกหมากโต ผู้ชาย 1 ใน 3 เมื่อวัยล่วงเข้าวัย 50 ปี มักมีอาการต่อมลูกหมากโต แต่กระนั้น อาการต่อมลูกหมากโตก็ยังไม่น่าเป็นห่วง เพียงแต่สร้างความรำคาญ แต่สิ่งที่อาจทำให้ผู้ชายนึกกลัว คือ อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และมะเร็งต่อมลูกหมากที่จะตามมานั่นเอง

           ดังนั้นผู้ชายที่มีอายุมากแล้ว เวลามีปัญหาเรื่องการขับถ่ายปัสสาวะ อย่าได้นิ่งนอนใจ ควรให้หมอตรวจเช็ก เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนอาการที่บ่งบอกว่าต่อมลูกหมากโต เช่น ต้องออกแรงฉี่มาก แต่ปัสสาวะไหลน้อยและอ่อนแรง ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ อาจมีเลือดปนออกมา ซึ่งควรไปหาหมอ เพราะอาจมีความเจ็บป่วยอื่นร่วมด้วย เช่น หนาวสั่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามร่างกาย ฯลฯ ความน่ากลัวของโรคนี้สำหรับผู้ชาย คือ ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เพราะมีการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศน้อยลง

            โรคความดันเลือดสูง เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ ชายได้ตลอดเวลา เมื่ออายุย่าง 30-35 ปี มักเป็นก่อนอายุ 55 ปี โดยทั่วไปไม่พบอาการผิดปกติ แต่ตรวจพบเมื่อไปหาหมอด้วยโรคอื่น องค์การอนามัยโลก กำหนดค่าความดันเลือดที่เหมาะสมไว้ที่ 140/90 คนที่เป็นโรคความดันเลือดสูง คือมีค่าความดัน ช่วงบน-ช่วงล่าง มากกว่า 160/95 ส่วนค่าความดันที่ดี ควรน้อยกว่า 140/90 ความน่ากลัวของโรคนี้ คือ อาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนอื่นๆ เช่น หัวใจ ทำให้หัวใจวาย หอบเหนื่อย สมอง เส้นเลือดฝอยในสมองแตก หรือทำให้หลอดเลือดในดวงตาเสื่อม ประสาทตาเสีย ตาจะมัวมากขึ้นจนถึงขั้นทำให้บอด  

            โรคมะเร็ง ผู้ชายส่วนใหญ่มักเป็นมะเร็งปอดและมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคนี้แม้ไม่สามารถหาสาเหตุที่ชัดเจนได้ แต่จากงานวิจัยพบว่า พฤติกรรมในการบริโภคที่ไม่ดี อาจนำไปสู่สาเหตุการเป็นมะเร็งในต่อมลูกหมากได้ นอกจากนี้รายงานการวิจัยยังระบุว่า แม้ผู้ชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากก็สามารถลดความเสี่ยงการตายจากโรคนี้ได้ โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินอยู่

            โรคเบาหวาน  เป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่พบมากในผู้ชายและคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนในการผลิตฮอร์โมนอินซูลิน โรคเบาหวานเป็นแล้วรักษายาก ปัญหาของคนเป็นโรคนี้คือ ไม่สนใจตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของ อาหาร ไม่ออกกำลังกาย ปล่อยตัวให้อ้วน อันตรายของเบาหวาน คือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับอวัยวะและระบบทำงานของร่างกาย คือ ตา อาจเป็นต้อกระจกก่อนวัย ประสาทตาหรือจอตาเสื่อม ตามัวขึ้นเรื่อยๆ ปลายประสาทอาจเกิดการอักเสบ เกิดอาการชาหรือปวดร้อนที่ปลายนิ้ว บาดแผลเกิดง่ายแต่รักษายาก บางคนเป็นบาดแผลนิดเดียวแต่อาจลุกลามใหญ่โต รวมไปถึงการเสื่อมและเกิดภาวะไตวายได้

โรคร้ายที่ผู้หญิงควรรู้ 
           มะเร็งเต้านม มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี ถูกจัดเป็นหนึ่งในโรคร้ายแรง ซึ่งผู้หญิงหลายคนยังหวาดหวั่นกับโรคนี้อยู่ มะเร็งเต้านมก็คือ เซลล์เนื้อร้ายในเนื้อเยื่อเต้านม ผู้หญิงหลายคนอาจสังเกตเห็นปัญหาในเบื้องต้นได้เมื่อคลำพบก้อนที่เต้านม หรือมีของเหลวซึมออกมาจากหัวนม

           ปัจจัยของโรคนี้มีสาเหตุหลายอย่างทั้ง พันธุกรรม การใช้ฮอร์โมนทดแทนเป็นระยะเวลานานเกิน 5 ปี ภาวะน้ำหนักเกิน การดื่มสุราจัด ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมทั้งสิ้น ผู้หญิงทุกคนควรตรวจหาก้อนเนื้อที่เต้านมด้วยตนเอง และควรไปตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรม หรืออุลตร้าซาวน์ด์เป็นประจำทุกปี สำหรับผู้หญิงที่อายุเกิน 40 ขึ้นไป 
           โรคหลอดเลือดสมอง ดูจะได้รับความสนใจจากสื่อต่างๆ น้อยมาก ทั้งๆ ที่เป็นตัวการคร่าชีวิตผู้หญิงไทยเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากผู้หญิงมีอายุยืนกว่าจึงได้รับความทรมานจากโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าผู้ชายไปโดยปริยาย โรคหลอดเลือดสมองเกิดจาก การที่หลอดเลือดซึ่งพาออกซิเจนไปเลี้ยงสมองอุดตัน ทำให้สมองขาดออกซิเจนและเกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อการพูด การเคลื่อนไหวของร่างกาย อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ในกรณีที่รุนแรง

           อาการของโรคหลอดเลือดสมอง เริ่มจากแขนขาอ่อนแรงหรือชาบริเวณใบหน้าซีกใดซีกหนึ่ง ตาข้างใดข้างหนึ่งพร่ามัวหรือมองไม่เห็น มีปัญหาด้านการพูดหรือการเข้าใจบทสนทนา ปวดศีรษะเฉียบพลันแบบไม่มีสาเหตุ รวมถึงอาการวิงเวียนหรือวูบแบบเฉียบพลัน

           นอกจากนี้ผู้หญิงที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรน รวมทั้งผู้ที่เคยรับประทานยาคุมกำเนิด ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย

           โรคหัวใจ สำหรับทั่วโลกและในประเทศไทย โรคหัวใจคร่าชีวิตผู้หญิงมากกว่าโรคมะเร็งเสียอีก โรคหัวใจเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดซึ่งจำกัดหรือตัดการลำเลียงออกซิเจนไปสู่หัวใจ ปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้

           อาการของโรคหัวใจ จะปวดเสียดที่หน้าอก หายใจไม่ออก หายใจถี่ ปวดกราม ปวดไหล่ วิงเวียน คลื่นเหียน อาจาร และเหงื่อแตก สำหรับผู้หญิงนั้น มีปัจจัยหลายอย่างที่ช่วยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้แก่ ความเครียดเรื้อรัง น้ำหนักที่เกินมาตรฐาน มักเกิดขึ้นหลังวัยหมดประจำเดือน ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน สูบบุหรี่จัด และครอบครัวมีประวัติการเจ็บป่วย

           ทางที่ดีควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และถูกต้องตามหลักควบคุมน้ำหนัก ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การผ่อนคลายก็เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมการเกิดโรคหัวใจได้ 
           มะเร็งรังไข่ เป็นโรคที่ได้รับการวินิจฉัยล่าช้า ท้ายสุดส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงแก่ชีวิตได้ วารสารสมาคมการแพทย์อเมริกา ระบุว่าร้อยละ 94 ของผู้หญิงที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งรังไข่ เริ่มมีอาการของมะเร็งมานานแล้ว อาการของผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ คือ ช่องท้องบวมหรือขยายตัวเร็ว อ่อนเพลีย เมื่อยล้า เจ็บบริเวณกระดูกเชิงกรานและช่องท้อง ปัสสาวะบ่อย และขับถ่ายผิดปกติ ฯลฯ 

           การตรวจพบมะเร็งรังไข่ในระยะเริ่มแรกมีความสำคัญเพราะอาจช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิตได้ ในระยะแรกโรคจะจำกัดวงอยู่เฉพาะภายในรังไข่ แต่หลังจากนั้นจะแพร่ขยายอย่างรวดเร็วไปยังส่วนต่างๆ โดยเฉพาะ ช่องคลอด สำหรับการตรวจหามะเร็งรังไข่มีหลายวิธี ได้แก่ การตรวจช่องคลอดและทวารหนัก การตรวจอัลตร้าซาวน์ด์อุ้งเชิงกราน ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งรังไข่ไม่แตกต่างจากมะเร็งทั่วไปในเรื่องของประวัติครอบครัว รวมทั้งความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

           โรคกระดูกพรุน แม้โรคกระดูกพรุนอาจไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงแก่ชีวิต แต่ก็เป็นโรคที่คุกคามคุณภาพชีวิตของผู้หญิงไทยหลายล้านคนเลยทีเดียว ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนคงยืนยันได้ถึงความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดและการมีข้อจำกัดทางกายภาพซึ่งเป็นธรรมชาติของโรคนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้โรคกระดูกพรุนยังเป็นสาเหตุของอาการกระดูกสะโพกร้าวซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก

           ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุน ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มสุราจัด การกินอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามินดีต่ำ ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสูงขึ้น เราสามารถป้องกันได้โดยการบริโภคแคลเซียมอย่างเพียงพอ ประกอบกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะกระดูกจะพัฒนาเต็มที่เมื่ออายุ 30 ปี และเริ่มเสื่อมลงอย่างช้าๆ ดังนั้นยิ่งกระดูกเราแข็งแรงมากเท่าไรในช่วงที่พัฒนาเต็มที่ ก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพกระดูกเท่านั้น

Tips เทคนิคดูแลสุขภาพให้ห่างโรคของชาย-หญิง
           นพ. พินิจ ลิ้มสุคนธ์  แพทย์ด้านประสาทวิทยา โรงพยาบาลสุขุมวิท ได้เผยถึงเทคนิคการดูแลสุขภาพของผู้ชายและผู้หญิงว่า...

           การดูแลสุขภาพของผู้ชายกับผู้หญิงโดยทั่วไปแล้วไม่ต่างกัน เพราะทั้งสองฝ่ายก็เน้นการมีสุขภาพดี และก็ใช้พื้นฐานการดูแลสุขภาพในแบบเดียวกัน ซึ่งผู้ที่ใส่ใจสุขภาพก็จะมีความระมัดระวังในเรื่องการดูแลสุขภาพค่อนข้างดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าคนไม่ใส่สุขภาพเขาก็ไม่ตระหนักเรื่องพวกนี้ และก็ใช้วิถีชีวิตไปตามปกติซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ แต่สำหรับคนที่ใส่ใจสุขภาพแล้วบางคนก็สุขภาพดี บางคนก็มีสุขภาพไม่ดีเนื่องมาจากความใส่ใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องลงมือปฏิบัติอย่างมีวินัย

           ถ้าเปรียบเทียบร่างกายเหมือนรถยนต์แล้วคุณต้องการให้รถยนต์มีสมรรถนะดี ก็มีหลักง่ายๆ คือใช้งานให้ถูกต้อง และทำนุบำรุงรักษาสม่ำเสมอ ฉะนั้น ร่างกายของเราถ้าจะให้มีสุขภาพดี ก็ต้องใช้งานให้ถูกต้อง ดำเนินวิถีชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควร ดูแลรักษา หมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เริ่มปรากฏ แล้ววิเคราะห์ด้วยตนเองหรือปรึกษาแพทย์ให้รู้ว่าอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นหมายถึงอะไร มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน ส่วนการใช้ชีวิตไปตามปกติ ก็ต้องให้เหมาะสมกับเพศกับวัย ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับเพศกับวัย อย่าขี้เกียจ
           สำหรับโรคภัยผู้ชายกับผู้หญิงนั้นก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่ต่างกันที่เห็นได้ชัดคือผู้ชายมีต่อมลูกหมากและอัณฑะ ส่วนผู้หญิงมีรังไข่ มดลูก หน้าอก ผู้หญิงก็จะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ แต่ในขณะเดียวกันผู้ชายจะมีความเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกเหนือจากปัญหาทั่วๆ ไป ผู้ชายก็จะเสี่ยงมากกว่าผู้หญิง เช่นโรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับสมอง อัมพาต อัมพฤต ฯลฯ รวมถึงวิถีชีวิตและการปฏิบัติตัวที่ผู้ชายทำงานเสี่ยงมากกว่าผู้หญิง ทำงานนอกบ้าน และมีสังคมมากกว่าผู้หญิงซึ่งเป็นภัยต่อสุขภาพ

          ดังนั้น โรคที่เกิดถ้าดูแลสุขภาพไม่ถูกสุขลักษณะ ผู้ชายก็เป็นมากกว่าผู้หญิง แต่ถ้าคุณดูแลสุขภาพให้ดีๆ ผู้ชายกับผู้หญิงก็ห่างจากโรคได้เช่นเดียวกัน

ระวัง!พฤติกรรมเซ็กซ์ ส่งผลร้าย "มะเร็งปากมดลูก" (มติชนรายวัน)

ระวัง!พฤติกรรมเซ็กซ์ ส่งผลร้าย "มะเร็งปากมดลูก" (มติชนรายวัน)

          ขึ้นชื่อว่า "มะเร็ง" เป็นโรคร้ายที่หลายๆ คนกลัวทั้งนั้น ล่าสุดสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย และสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ "มะเร็งปากมดลูกป้องกันได้" ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เพราะตอนนี้ "มะเร็งปากมดลูก" ได้คร่าชีวิตสาวไทยถึงวันละ 7 คนโดยเฉลี่ย และยังเพิ่มขึ้นปีละ 6-7 พันคน เชื่อว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในผู้หญิงที่อายุยังน้อยอีกด้วย 

อาจารย์



          นพ.วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล รองเลขาธิการสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย บอกว่า ไลฟ์สไตล์ของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้หญิงไทยในปัจจุบันเริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย และอยู่ร่วมกันก่อนแต่งงานหรือมีการเปลี่ยนคู่นอน ไม่รู้วิธีการป้องกันตัวเอง จึงทำให้สาวไทยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นมาก แถมยังละเลยเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ ทำให้กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งก็อยู่ในขั้นที่ยากต่อการรักษาแล้ว

มะเร็งปากมดลูก



          ด้าน รศ.พันเอกหญิง ฤดีวิไล สามโกเศศ เลขาธิการสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย บอกว่า ผู้หญิงจำนวนมากยังเข้าใจผิดคิดว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นเรื่องของสาวสูงวัย ซึ่งมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงสูงวัย คือผลลัพธ์ของพฤติกรรมการไม่ดูแลปกป้องตัวเองอย่างถูกต้องในช่วงต้นของชีวิต อาทิ การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย การมีคู่นอนหลายคน มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย



มะเร็งปากมดลูก


          "การป้องกันมะเร็งปากมดลูกควรทำตั้งแต่ในวัย 11-12 ปี และอายุ 16 ปีมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกมากกว่า ผู้ปกครองควรช่วยให้พวกเขาได้เรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากการเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต"

บทความมะเร็งปากมดลูก

   มะเร็งปากมดลูก ภัยร้ายใกล้ตัวผู้หญิง

         สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ รณรงค์ให้ผู้หญิงไทยรู้จักป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็งปากมดลูก พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์รณรงค์ชุด "Everything I Can" เร่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องสู่ภาคประชาชนเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV ที่อาจติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์


         การติดเชื้อนั้นอาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการเรียนรู้เรื่องการป้องกันและตรวจหาโรคตั้งแต่ระยะแรกจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทางสถาบันฯ ต้องการมุ่งลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกของหญิงไทยทั่วประเทศ


         มะเร็งปากมดลูก นับเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย ด้วยสถิติของผู้เสียชีวิตเฉลี่ยสูงถึง 7 คนต่อวัน ในประเทศไทยพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยสูงถึง 6 พันคนต่อปี นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้หญิง 8 ใน 10 คนทั่วโลก มีโอกาสติดเชื้อ HPV ภายในช่วงอายุ 50 ปี โดยวัย 18-28 ปี คือช่วงอายุที่พบการติดเชื้อ HPV สูงสุด


         น.พ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กล่าวว่า ภาพยนตร์ชุดนี้มุ่งนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูกให้ผู้หญิง เรื่องราวในภาพยนตร์จะช่วยให้ประชาชนเข้าใจถึงโรคนี้ได้ดีขึ้น รวมถึงกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักว่าการติดเชื้อไวรัส HPV นั้นติดต่อได้ง่ายทางเพศสัมพันธ์ ถ้ามีเพศสัมพันธ์ก็อาจมีความเสี่ยงตามมา ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัส HPV และรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสม่ำเสมอ
โฆษณามะเร็งปากมดลูก


         "หญิงสาวจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าโรคนี้เป็นเรื่องไกลตัวและมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองรวมทั้งคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นแม่ ลูกสาว หรือคนใกล้ชิด เราจึงหวังอย่างยิ่งว่าภาพยนตร์รณรงค์ชุดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ผู้หญิงไทยหันมาป้องกันตัวเองอย่างจริงจัง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม และเริ่มป้องกันตัวเองโดยการปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจ แปปสเมียร์ หรือพิจารณาฉีดวัคซีน HPV ซึ่งจะช่วยให้ผู้หญิงลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ถึงร้อยละ 70"


         น.พ.วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล ประธานชมรมคอลโปสโคปีและพยาธิสภาพปากมดลูกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงสาเหตุการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงวิธีป้องกันตนเองนั้นเป็นเรื่องที่หลายๆ ฝ่ายควรสนับสนุน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาอย่างแน่นอน

       
  โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นอีกโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยสูงถึง 7 คนต่อวัน แต่เป็นโรคที่มีระยะการดำเนินโรคนานเป็นปีๆ และมีระยะก่อมะเร็ง จึงทำให้เราวินิฉัยพบและทำการรักษาตัดตอนก่อนจะลุกลามได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนให้มีการประชาสัมพันธ์ถึงสาเหตุและการป้องกันแก่ประชาชนในวงกว้าง เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจและเพิ่มความตระหนักรู้ที่ถูกต้องแล้ว ยังจะลดอัตราการเกิดโรคและเสียชีวิตจากโรคร้ายนี้ ตลอดจนลดความสูญเสียในครอบครัวและลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้เป็นจำนวนมากอีกด้วย

       
  ผศ.ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ ตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่ที่มาร่วมรณรงค์ กล่าวว่า ถ้าพูดถึงโรคมะเร็งที่เกิดกับผู้หญิงเรานั้น มะเร็งปากมดลูกจะเป็นมะเร็งอันดับแรกที่นึกถึง ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจในการป้องกันโรคที่ถูกต้อง ประกอบกับทัศนคติของผู้หญิงที่อายกับการไปตรวจ แปปสเมียร์ หรือตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก จึงทำให้กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว


         ในฐานะที่เป็นคุณแม่ของลูกสาวและเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จึงอยากมีส่วนช่วยรณรงค์ให้ผู้หญิงทุกคนหันมาสนใจและเริ่มดูแลตัวเอง เพราะมะเร็งปากมดลูกนั้นอาจเกิดได้กับผู้หญิงเราทุกคน เพียงแค่เปิดใจยอมรับที่จะเรียนรู้การป้องกันตนเองและปกป้องลูกสาวจากโรคร้าย และนอกจากจะตรวจ แปปสเมียร์ เป็นประจำทุกปีแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวัคซีน HPV และพาลูกสาวไปฉีดวัคซีน HPV เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV อีกทางหนึ่งด้วย

วัคซีนรักษามะเร็งปากมดลูก

วัคซีนรักษามะเร็งปากมดลูก

 หลายๆ คนคงเคยได้ยินเรื่องการรณรงค์ฉีดวัคซีนโรค มะเร็งปากมดลูก ความจริงแล้ว ระดับการป้องกันโรค มะเร็งปากมดลูก มีหลายระดับ โดยระดับแรกของการป้องกันคือ การฉีดวัคซีน ที่เชื่อว่าลดความเสี่ยงได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ การป้องกันขั้นพื้นฐานด้วยการตรวจแพปสเมียร์เป็นประจำก็เป็นเรื่องสำคัญ

           ทั้งนี้ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริกา เด็กและหญิงสาวที่อายุต่ำกว่า 26 ปี ซึ่งไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน สามารถรับการฉีดวัคซีนชนิดนี้ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อเอชพีวี ส่วนหญิงสาวที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว ควรตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูก หรือแพปสเมียร์เสียก่อน เพราะเป็นไปได้ว่าอาจพบการติดเชื้อ หรือมีความผิดปกติ ซึ่งจะต้องทำการรักษาให้หายเสียก่อน จึงจะรับการฉีดวัคซีนได้ในเวลาต่อมา ส่วนวัยที่ควรเริ่มฉีดวัคซีนชนิดนี้คือ 9 ปีขึ้นไป และการใช้วัคซีนในผู้หญิงวัย 9 – 26 ปี จะป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด  
           อย่าลืมหมั่นตรวจเช็คสุขภาพ และความผิดปกติของร่างกาย ที่สำคัญอย่ากลัวหรืออายที่จะไปตรวจหาเชื้อ มะเร็งปากมดลูก เพราะหากช้าไป โรคร้ายอาจทำลายคุณ

การตรวจมะเร็งปากมดลูก

การตรวจมะเร็งปากมดลูก

ผู้หญิงควรจะเริ่มตรวจหาโรค มะเร็งปากมดลูก เมื่อใด 
  • ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ทุกช่วงอายุ ควรมาตรวจคัดกรองเชื้อ มะเร็งปากมดลูก หรือที่เรียกว่า แพปสเมียร์ (Pap Smear)   อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรเริ่มเมื่อ อายุ 30 ปีขึ้นไป แต่ในกรณีที่เริ่มพบความผิดปกติแพทย์อาจนัดให้ไปตรวจถี่ขึ้น 
 
  •  ทั้งนี้ แพปสเมียร์ คือ วิธีการตรวจหาความผิดปกติ หรือโรค มะเร็งปากมดลูก ที่ค่อนข้างง่าย ใช้เวลาเพียง 2–3 นาทีเท่านั้น เป็นการตรวจที่ทำควบคู่ไปกับการตรวจภายในของผู้หญิง แพทย์จะสอดเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอด โดยใช้ไม้ขนาดเล็กขูดเบาๆ เพื่อเก็บเซลล์มาป้ายบนแผ่นกระจก และนำไปตรวจหาความผิดปกติ โดยก่อนที่จะตรวจ ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม ไม่ควรตรวจในช่วงระหว่างมีประจำเดือน งดการมีเพศสัมพันธ์ และงดการสวนล้างช่องคลอด หรือสอดยาใดๆ ก่อนเข้าทำการตรวจ ข้อดีคือ วิธีการตรวจแบบแพปสเมียร์นี้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็น โรคมะเร็งปากมดลูก ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
 

อาการมะเร็งปากมดลูก และวิธีการรักษามะเร็งปากมดลูก

อาการมะเร็งปากมดลูก และวิธีการรักษามะเร็งปากมดลูก
           โรค มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่มักพบใน ผู้หญิงอายุ 35 - 60 ปี แต่ก็อาจพบ มะเร็งปากมดลูก ก่อนวัยอันควรได้  ทั้งนี้ อาการมะเร็งปากมดลูก จะมากหรือน้อยขึ้นกับ ระยะของมะเร็งปากมดลูก ซึ่งอาการที่พบในผู้ป่วย โรคมะเร็งปากมดลูก ได้แก่

           อาการตกเลือดทางช่องคลอด เป็นอาการที่พบได้มากที่สุดประมาณร้อยละ 80 – 90  ของผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก ลักษณะเลือดที่ออกอาจจะเป็นเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน มีตกขาวผิดปกติ กลิ่นเหม็น มีเลือดปน หรือมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ ถ้าเป็นมากและมะเร็งลุกลามออกไปด้านข้าง หรือลุกลามไปที่อุ้งเชิงกรานก็จะมีอาการปวดหลังได้ เพราะไปกดทับเส้นประสาท

           อาการในระยะหลังเมื่อมะเร็งลุกลามหรือไปสู่อวัยวะอื่นๆ ได้แก่ ขาบวม ปวดหลัง  ปวดก้นกบ ปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เป็นต้น

           อาการมะเร็งปากมดลูก แบ่งเป็น 0-4 ระยะ ดังนี้

           ระยะ 0  คือ เซลล์มะเร็งยังไม่กระจาย วิธีรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะ 0 คือ ผ่าตัดเล็ก ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาที และตรวจติดตามอาการ การรักษาระยะนี้ได้ผลเกือบ 100%

           ระยะที่ 1 เซลล์มะเร็งอยู่ที่ปากมดลูก การรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะ 1 คือผ่าตัดใหญ่ ผ่าตัดมดลูก เลาะต่อมน้ำเหลืองในเชิงกราน ซึ่งได้ผลดีถึง 80%

            ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งกระจายออกจากปากมดลูก โดยยังไม่ไปไกลมาก แต่ก็ไม่สามารถผ่าตัดได้ การรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 2 นี้ ต้องรักษาด้วยการฉายรังสี และการให้เคมีบำบัด  (คีโม) ได้ผลราว 60%

          ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งกระจายชิดเชิงกราน การรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 3 คือใช้รังสีรักษา และการให้เคมีบำบัด การรักษาระยะนี้ได้ผลประมาณ 20-30%

           ระยะที่ 4 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งกระจายทั่วร่างกาย การรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 4 คือการให้คีโม และรักษาตามอาการ โดยหวังผลได้เพียง 5-10% และโอกาสรอดน้อยมาก แต่ก็ไม่แน่ โดยมีผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก บางรายสามารถอยู่ต่อได้นานถึง 1-2 ปี จึงเสียชีวิต

    ผลข้างเคียงจากการรักษาโรค มะเร็งปากมดลูก
           การผ่าตัด ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดที่อาจเกิดได้ ได้แก่ การตกเลือด การติดเชื้อ อันตรายต่ออวัยวะใกล้เคียง
           การฉายแสง (ระยะเวลา 1-2 เดือน) ผลข้างเคียง คือ ผิวแห้ง ปัสสาวะมีเลือดปน อ่อนเพลีย
           ยาเคมีบำบัด ผลข้างเคียงคือ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง มือเท้าชา ซึ่งขึ้นกับยาแต่ละชนิดที่เลือกใช้

คำค้นหา อาการมะเร็งปากมดลูก,การรักษามะเร็งปากมดลูก

สาเหตูของมะเร็งปากมดลูก

สาเหตูของมะเร็งปากมดลูก

 ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลุกได้แก่
  • การติดเชื้อ HPV หรือการเป็นหูดที่อวัยวะเพศ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของการเกิดมะเร็งปากมดลุก
  • การสูบบุหรี่ ของการเกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึนสองเท่า
  • การรับประทานยาคุมกำเนิด
  • ระบบภูมิคุ้มกันของคุณสุภาพสตรี ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดีจะทำให้เกิดโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ง่ายจึงมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลุกเพิ่มขึ้น
  • การติดเชื้อ Chlamydia พบว่าผู้ที่ติดเชื้อ Chlamydia ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น
  • อาหาร ผู้หญิงที่รับประทานผักและผลไม้น้อยจะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่าคนที่รับประทานผักและผลไม้
  • ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดมาเป็นระยะเวลานานจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูก
  • การมีบุตรหลายคนเชื่อว่าจะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น เชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอรฺโมนทำให้ติดเชื้อ HPV ง่าย และขาดการป้องกันการติดเชื้อ
  • ผู้ที่มีเศรษฐานะต่ำเนื่องจากเข้าถึงบริการไม่ทั่วถึง
  • ผู้ที่ได้ยา Diethylstilbestrol (DES) เพื่อป้องกันแท้ง

ความรู้เรื่องมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลุก

  • มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดของมะเร็งในสตรีไทย และพบมากในช่วงอายุ 35-60 ปี
แต่มะเร็งปากมดลูกสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็งด้วยการทำแปปสเมียร์ โดยการเก็บเอา
เซลล์เยื่อบุบริเวณปากมดลูกไปตรวจหาเซลล์มะเร็งโดยการตรวจภายใน ซึ่งการรักษาจะได้ผลดีมาก
หากเป็นมะเร็ง ที่ตรวจพบในระยะแรก